จากกรณีปัญหา “หมูแพง” ส่งผลกระทบให้สินค้า ประเภท ไข่ไก่ เนื้อไก่ และสินค้าอื่นๆ พากันขึ้นราคาตามไปด้วย ขณะที่สาธารณูปการต่างๆก็เตรียมที่จะปรับราคา สาเหตุจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่กำลังขยับตัวพุ่งสูงขึ้นอยู่ในขณะนี้ จะส่งผลให้ภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพของประชาชนเพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกัน หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาปากท้องให้กับชาวบ้านอย่างเต็มที่
ปัญหา “หมูแพง” อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้ออกมายอมรับว่า เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ขณะที่ เจ้าของฟาร์มหมูแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมหมูขึ้นราคาถึงขนาดนี้ ราคาซื้อขายหน้าฟาร์มแค่ 60 บาท แต่ไปถึงผู้บริโภคราคากลับพุ่งสูงขึ้นสูงกว่า 220 บาท
วันรุ่งขึ้น (19 ม.ค.) หลังจากการไปตรวจสอบของปศุสัตว์จังหวัด พาณิชย์จังหวัด และเกษตรและสหกรณ์จังหวัด ที่ฟาร์มดังกล่าว เจ้าของฟาร์มได้ออกมาชี้แจงใหม่ว่า ไม่ได้ตั้งใจให้ใครเดือดร้อนเพราะตัวเองยังต้องทำอาชีพเลี้ยงหมูไปอีกนาน ไม่อยากให้เกิดผลกระทบต่ออาชีพ “ขอรับผิดชอบที่พูดออกไปไม่หมด”
จากกรณี “หมูแพง” ทำให้ประชาชนเริ่มหันไปซื้อเนื้อสัตว์ที่เป็นทางเลือกอื่น เช่น เนื้อไก่ กันมากขึ้น ซึ่งก็ส่งผลให้ ราคาของเนื้อไก่มีการขึ้นราคาตามไปด้วย แต่ก็ยังถือว่ายังมีข่าวดีที่ กระทรวงพาณิชย์ ได้เตรียมประกาศให้ไก่มีชีวิตและเนื้อไก่เป็นสินค้าควบคุม ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542
วัฒนธรรมการกินหมูรวมทั้งการใช้ “หัวหมูไหว้เจ้า” นั้น เป็นวัฒนธรรมของจีนและชาวเขาเผ่าต่างๆ เพราะถือกันว่าเป็นสัตว์ที่มีคุณค่า “ทำอะไรก็อร่อย” แต่วัฒนธรรมการกินดั้งเดิมของไทยนั้น เราจะกินข้าวกิน “ปลา” กันเป็นหลัก จากคำพูดที่ว่า “กินข้าวกินปลาหรือยัง?”
เราหันมากิน “ไก่” กิน “ปลา” ที่เป็นอาหารหลัก “ดั้งเดิม” กันเถอะ.